|
|
วัดพุทธสีมา
ประวัติความเป็นมา
วัดพุทธสีมา ตั้งเมื่อ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๓๐๘ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม พ ศ. ๒๔๖๒
การศึกษา มีโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนา วันอาทิตย์ และศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗
ความโดดเด่นของสิมหลังนี้อยู่ที่ฮูปแต้ม ที่เขียนขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๒ โดย นายคำสิง ไชโย
ที่ตั้ง
เลขที่ ๑๓๗ บ้านฝั่งแตง ถนนเรืองศรี หมูที่ ๒ ดำบลฝั่งแตง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๒๔ ไร่ ๑ งาน ๙๘ ตารางวา น.ส. เลขที่ ๑๙๖๒ อาณาเขต ทิศเหนือประมาณ ๕ เส้น ๔๐ วา จดกำแพง ทิศใต้ ประมาณ ๕๐ เส้น ๙๕ วา จดถนน ทิศตะวันออกประมาณ ๕ เส้น ๓๕ วา จดถนน ทิศตะวันตก ประมาณ ๕ เส้น ๘๕ วา จดถนน มีที่ธรณีสงฆ์จำนวน ๓ แปลง เนื้อที่ ๘ ไร่ ๑ งาน ๔๕ ตารางวา
อาคารเสนาสนะ
ประกอบด้วย อุโบสถ กว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๑.๕๐ เมตร สร้าง พ.ศ. ๒๔๖๐ เป็นอาคารฉาบอิฐถือปูน
ศาลาการเปรียญ กว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๒๔ เมตร สร้าง พ.ศ. ๒๕๒๓
กุฎิสงฆ์ จำนวน ๑ หลัง เป็นอาคารไม้ สร้าง พ.ศ. ๒๕๒๓
ศาลาเอนกประสงค์ กว้าง ๕ เมตร ยาว ๗ เมตร สร้าง พ.ศ. ๒๕๒๓ เป็นอาคารคอนกรีต
การบริหารและการปกครองมีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนามคือ
รูปที่ ๑ พระครูไพโรจน์ คุณสาร พ.ศ. ๒๔๗๒-๒๔๘๘
รูปที่ ๒ พระเรือง สิริปญโญ พ.ศ.๒๔๘๘-๒๕๐๐
รูปที่ ๓ พระสุวัฒน์ สุภทฺโท พ.ศ. ๒๕๐๐-๒๕๑๓
รูปที่ ๔ พระหาญ พ.ศ.๒๕๑๓-๒๕๒๔
รูปที่ ๕ พระครูปัญญาวัฒนคุณ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นมา
|
|
|
|
รูปแบบสิม ,วัสดุและโครงสร้าง
|
|
|
ภาพด้านหน้า ด้านข้าง และ หน้าปบันปูนปั้น |
|
รายละเอียดส่วนประดับมีดังนี้
|
|
ซุ้มประตูทางเข้า ทำกรอบ มีฮูปแต้มเขียนประดับไว้
|
|
ฮูปแต้มเที่บนซุ้มประตูทางเข้า
|
|
ภาพเขียนประดับซุ้มหน้าต่าง มีลักษณะเป็นลายเส้นสีขาวดำ
ด้านนอกของคัวอาคารทั้งสีด้าน แต่ละห้องจะมีเสาหลอกนูนออกมาจากผนังประดับด้วยฮูปแต้มตั้งแต่เสาลงมาจรดเหนือบานหน้าต่าง ยกเว้นผนังด้านหลังแต่เพียงด้านเดียว
การจัดองค์ประกอบ ช่างแต้มพยายามสะท้อนภาพออกมาในรูปแบบของความง่าย ตลอดจนนำเอาจดเดนทีเป็นสาระสำคัญของเรื่องราวมาบรรยายให้เป็นเป็นภาพที่สามารถสื่อความหมายให้ผู้ชมเกิดความรู้ความเข้าใจ และมองเห็นความงามทีเป็นศิลปะทางด้านรูปธรรมที่เกิดจากเส้น สี และองค์ประกอบภาพ
|
|
ภายในสิมมีงานฮูปแต้ม ปรากฏอยู่บนพื้นผนังภายในทั้งสีของตัวอาคารบนพื้นผนังหลังองค์พระประธานปรากฏฮูปแต้มตั้งแต่บริเวณเหนือขององค์พระประธานไล่ไปจนตกกรอบพื้นผนังด้านบน แบ่งกรอบภาพของพื้นผนังออกเป็นส่วนใหญ่ ๆ คันด้วยลายเครือเถาตรงกับแนวหน้าต่างด้านบนของผนังด้านรี ด้านล่างสุดของกรอบหน้าต่างจะมีลายเครือเถาที่เป็นกรอบภาพอีกเช่นกัน กรอบภาพที่เห็นมีเฉพาะกรอบภาพในลักษณะแนวนอน
|
|
ลักษณะการจัดองค์ประกอบศิลปะของงานจิตรกรรมเช่นนี้ทำให้เสริมความคิดจากข้อสมมติฐานที่ว่า น่าจะมีต้นเค้าหรือเอาแบบอย่างมาจากภาพเขียนบนผืนผ้าพระเวสนำมาผนึกไว้ภายในสิมให้มั่นคงถาวร
บนผนังด้านนอกตัวอาคาร ปรากฏฮูปแต้มอยู่เหนือกรอบประตูและหน้าต่างด้านรีทั้ง ๒ ด้าน ภายในกรอบอาร์คโค้งเหนือบ้านหน้าต่างมีฮูปแต้มเน้นความสำคัญด้วยเส้น ใช้สีแซมแต่เพียงบางส่วน มีสีส่วนรวมเป็นแบบเอกรงค์
|
|
โครงสีส่วนใหญ่เป็นสีเอกรงค์ (Monochrome) โดยเฉพาะผนังด้านหน้าองค์พระประธานแทบจะไม่ได้ใช้สีอะไรเลย คล้ายกับภาพลายเส้น (Drawing) อีกกรณีหนึ่งสีอาจจะมีไม่เพียงพอหรือเป็นความตั้งใจของช่างแต้มเอง ที่ประสงค์จะใช้สีแต่เพียงน้อยสีแต่เน้นให้เห็นคุณค่าความงามด้วยเส้น เส้นรอบนอกที่เป็นฟอร์มบอกรูปทรงของตัวละคร ต้นไม้ ปราสาทราชวัง และบรรดารูปสัตว์ที่เป็นพญามารต่าง ๆ ช่างแต้มใช้สีดาเพื่อแสดงให้ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร ๆ ลายเส้นที่เป็นตัวแทนของน้าในมหาสมุทรที่นางธรณีบีบมวยผมจนพญามารปั่นป่วนนั้น ช่างแต้มใช้เป็นสีเทาอ่อนหรือฟ้าอ่อน หากไม่สังเกตจะไม่เป็นเพราะสีเกือบจะกลืนไปกับผนังสีขาว
สีที่เด่นออกมามีส่วนช่วยให้ภาพมีความสดใสโดดเด่นขึ้นบ้าง ได้แก่ สีเขียวไพล เช่น สีของแท้เป็นพญามาร สีหน้าของรามสูร หน้าพญามาร ปีกนกหัสดีลิงค์ ปีกนกแก้ว ต้นหญ้า ตลอดจน
สีของกล้วยไม้
|
|
สีเขียวเข้มเป็นสีของพุ่มไม้ใหญ่
สีแดงเป็นสีรัศมีของพระพุทธเจ้า สีหน้าบันปราสาท สีดอกกล้วยไม้ยามเบ่งบานเต็มที่หรือสีแดงของปากนกแก้ว และเพื่อต้องการให้ภาพของพญามารร้ายที่ม่งหวังทำลายพระพุทธเจ้า เช่น จระเข้ หรือ ปลายักษ์ เกิดความดุร้าย น่าเกลียดกลัว ช่างเขียนจะระบายสีดำคล้ามีน้ำหนักอ่อนแก่ เกิดคุณค่าของสี แต่มิได้สีดำที่ทึบตัน แสดงให้เห็นว่าช่างแต้มมีความชำนาญต่อการใช้เส้นและสีแต่เพียงพอผลนั่นคือความชำนิชำนาญและเสน่ห์ของช่างแต้มที่มีรูปแบบในการสร้างภาพให้เกิดความงาม
|
|
โดยทั่วไปช่างแต้มใช้สีดำสำหรับการตัดเส้นโดยให้มีขนาดเส้นบางหรือหน้าต่างกัน หากเขียนภาพคนจะใช้เส้นที่ประณีต เมื่อต้องการจะเน้นให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทิวเขาก็จะใช้เส้นหนามและเข้ม เมื่อประสงค์จะเขียนภาพให้เกิดความอ่อนช้อน เช่น ต้นหญ้า หรือก้อนเมฆ ช่างแต้มจะใช้สีส้มอ่อนๆ ใบไม้ หรือ ผลไม้ก็จะให้สีเขียวอ่อนร่างเป็นรูปฟอร์มของใบไม้หรือผลไม้ทำให้เกิดความรู้สึกแผ่วเบาไม่กระด้างเหมือนกับการจงใจใช้สีดำตลอด ช่างแต้มวัดพุทธสีมาดูจะมีความกล้าหาญและชำนาญต่อการใช้เส้นมากเป็นพิเศษ เส้นจะมีความหนาและมีพลัง
เนื่องด้วยช่างแต้มวัดพุทธสีมามีความสำคัญเหนือสกุลช่างพื้นบ้านโดยทั่วไป ช่างแต้มจะแตะแต้มสีแสดจางๆ ลงบนพื้นผิวผนังสีขาว เพื่อทำให้ภาพเกิดมีความลึกทางรูปธรรมเพิ่มขึ้น และโครงสีส่วนใหญ่จำกัดความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวล
เป็นลักษณะเฉพาะตัวที่ช่างแต้มผู้นี้มีความสามารถแตกต่างไปจากช่างแต้มพื้นบ้านในอีสาน
|
|
แขนนาครูปพญานาค ลงสีบนเกล็ดสลับไปมา
|